หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จ๋ามตอง หญิงสาวผู้ปลูกต้นกล้าแห่งความหวังเพื่อชาวไทใหญ่


จ๋ามตอง หญิงสาวผู้ปลูกต้นกล้าแห่งความหวังเพื่อชาวไทใหญ่
เมื่อเกือบ ๒๐ ปีก่อน บนเส้นทางระหว่างรัฐฉาน ประเทศพม่า สู่ชายแดนไทยภาคเหนือ เด็กหญิงชาวไทใหญ่วัย ๖ ขวบคนหนึ่งนั่งอยู่ในตะกร้าซึ่งห้อยอยู่กับไม้คานที่พาดอยู่บนหลังม้า มุ่งหน้าสู่บ้านเด็กกำพร้าชายแดนไทย ก่อนแม่จะอุ้มเธอใส่ตะกร้า แม่บอกแต่เพียงว่า เธอจะได้เรียนหนังสือสูงกว่าชั้น ป. ๑ และปลอดภัยจากไฟสงครามซึ่งมักลุกลามมาถึงหมู่บ้านก่อนเรียนจบครบปี ตลอดเวลา ๙ ปีในบ้านเด็กกำพร้า “ใบอนุญาตข่มขืน” รายงานฉบับนี้เปิดเผยการทารุณกรรมทางเพศที่ทหารพม่ากระทำต่อผู้หญิงไทใหญ่
 เด็กหญิงตักตวงความรู้ทุกอย่างเท่าที่หมู่บ้านชายแดนแห่งนี้จะให้เธอได้ เธอตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อเรียนภาษาอังกฤษจากเจ้าของบ้านเด็กกำพร้า กลางวันเรียนภาษาไทยจากโรงเรียนไทย ตกเย็นจนถึงค่ำเรียนภาษาจีนจากโรงเรียนของคนจีนฮ่อในหมู่บ้าน วันหยุดเรียนภาษาไทใหญ่จากคนในหมู่บ้าน หลังจบชั้น ม. ๓ ชั้นเรียนสูงสุดของโรงเรียนในหมู่บ้าน เธอเฝ้าใฝ่ฝันว่า อยากนำความรู้ที่มีอยู่มาทำงานเพื่อคนไทใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความฝันของเธอเริ่มเป็นความจริงหลังจากเข้าร่วมงานในสำนักข่าวไทใหญ่และเป็นสมาชิกเครือข่ายปฏิบัติงานสตรีไทใหญ่ ซึ่งร่วมกับมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ผลิตรายงาน
เป็นรายงานที่ได้รับการเผยแพร่จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในวัยเพียง ๑๗ ปี เธอเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่นำเสนอปัญหาของผู้หญิงไทใหญ่ในเวทีประชุมปัญหาสิทธิมนุษยชนระดับโลก ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ๒ ปีต่อมา เธอก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเยาวชนหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์จากรัฐฉาน ด้วยเชื่อว่าการศึกษาคือพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสและชีวิตใหม่ ปัจจุบัน เธอมีอายุเพียง ๒๔ ปี แต่ได้รับรางวัลต่าง ๆ มาแล้วมากมาย อาทิ เมื่อปี ๒๕๔๖ ได้รับคัดเลือกจากนิตยสาร Marie Claire ให้เป็น ๑ ใน ๑๐ ของผู้หญิงทั่วโลกที่ทำงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ต้นปี ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ได้รับรางวัล Reebok Human Rights Award ในฐานะตัวแทนคนหนุ่มสาวที่ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน ล่าสุด ได้รับคัดเลือกให้เป็น ๑ ในผู้หญิง ๑,๐๐๐ คนที่ควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปีนี้ "เธอผู้นี้มีชื่อว่า จ๋ามตอง มีความหมายในภาษาไทยว่า ดอกจำปาเงิน เธอคือหญิงสาวผู้ปลูกต้นกล้าแห่งความหวังให้เติบโตงอกงามในสังคมไทใหญ่ท่ามกลางเปลวไฟแห่งสงครามที่ดำเนินมาบนผืนแผ่นดินรัฐฉานเกือบ ๔ ทศวรรษ".

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น